กรุสำหรับ พฤษภาคม, 2009

คำเทศน์ของพระพยอม (เวอร์ชั่นมันส์ๆ…) สนุกๆ ได้แง่คิด

ใส่บาตรวันเกิด เหล้ากินเข้าไปแล้วก็ขาดสติ…มีเรื่องเล่าว่า วันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง กลางคืนเลี้ยงฉลองร่ำสุรากันเต็มที่..เมาแประ..รุ่งเช้าอยากใส่บาตรทำบุญเอาฤกษ์ ขณะตักข้าวจะใส่บาตร ด้วยความเมาทำข้าวหก หมาก็วิ่งกรูกันเข้ามาแย่งกันกินข้าว กัดกันเจี๊ยวจ้าวพันแข้งพันขาจนเดินไม่ได้.. ด้วยความโมโห..เงื้อเท้าเตะหมาเต็มแรง…หมามันก็หลบทัน แต่พระหลบไม่ทัน โดนหน้าแข้งเต็มๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ร่วมแย่งข้าวด้วยสักหน่อย ขณะใส่บาตร..รู้สึกว่ากับข้าวที่เตรียมไว้ ไม่พอดีกับพระ แกตะโกนเรียกหลานลั่นเลย…. "อีหนู เอาปลาทูมาอีกสององค์ วันนี้พระมาสี่ตัว…" เหล้ามันทำให้คนกิน..ไม่เป็นผู้เป็นคน..พูดผิด..คิดผิด ทำผิด แล้วยังจะกินมันอยู่อีกหรือ…….. ???
ล้างแค้น… มือปืนเมืองเพชร…เมาแอ๋เข้ามาหาพระมันชูปืนขึ้น..แล้วเดินเป๋เข้ามา หลวงพี่ก็เลยโดดหลบเข้าข้างเสา เพราะพระก็เสียวเป็นเหมือนกัน… มันบอกว่า..หลวงพี่ต้องเป็นพยานให้ผมด้วย… ไอ้แคล้วมันฆ่าพ่อผมตาย..ผมขอสาบานต่อหน้าพระว่า..ผมจะต้องล้างแค้นให้พ่อผมให้ได้… ถ้าผมฆ่าไอ้แคล้วไม่ได้..ชีวิตนี้นอนตาไม่หลับ หลวงพี่โผล่ออกมาจากเสา..แล้วบอกว่า..สาธุ..ขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วยที่คิดจะล้างแค้น คนทั้งศาลาหันมามองหน้าพระเป็นตาเดียว… โธ่…ก็มันถือปืนส่ายอยู่อย่างนั้นจะให้พระทำยังไง… น่าจะเห็นใจพระบ้างนะ….อาตมาก็พูดกับมือปืนต่อว่า…. ล้าง..หมายถึง..ทำให้สะอาด การล้างแค้นเป็นเรื่องดี เรามีความแค้น…แสดงว่า..ความแค้นมันมาเปื้อนจิตใจเรา.. การล้างแค้น…คือล้างที่จิตใจของเราให้สะอาด..ให้ความแค้นมันหมดไปจากใจเรา… การไปยิงเขาตายอีก…เป็นการเพิ่มความแค้น…. ลูกหลานเขาก็ตามจะมายิงมาฆ่าเราอีก..วนเวียนอย่างนี้ไม่จบสิ้น การล้างแค้น..จึงเป็นการอโหสิกรรม..หมดเวรหมดกรรม อาตมาจึงขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วย…พูดเสร็จพระก็หลบไปยืนบังเสาไว้ พระไม่กลัวมันหรอก..แต่พระไม่ประมาท
โสเภณีที่รัก วันหนึ่งมีคนมานิมนต์ให้ไปเทศน์ให้โสเภณีฟัง ตั้งแต่บวชมา..เพิ่งจะเจอครั้งนี้แหละ…มันเทศน์ยากพิลึก พอไปถึงทุกคนมองพระเหมือนตัวประหลาด …เข้ามาทำไมวะเนี่ย พอนั่งปุ๊บ..มองไปรอบๆ..ไม่มีใครสนใจสักคน…. คิดในใจว่า.. จะเอาสูตรไหนมาเทศน์สู้กับมันดีวะเนี่ย ….. ทำใจดีสู้เสือ..เริ่มต้นคำแรกว่า…. "สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง.."…. ได้ผลแฮะ…ได้ผลดีเกินคาด ทุกคนหันมามอง ตั้งใจฟังหูผึ่งว่าพระจะพูดอะไรต่อ….ได้โอกาส..พระเลยปล่อยไม้เด็ดเลย สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง..ผู้ขายของเก่ากินโดยไม่ต้องลงทุน เมื่อน้องหญิงอยู่ที่บ้าน….คนทั่วไปจะเรียกน้องหญิงอย่างยกย่องว่า.. กุลสตรี…ยกย่องว่าเป็น เพศแม่แต่พอน้องหญิงมาอยู่ในสถานที่อย่างนี้ ความเป็นกุลสตรีความสูงส่งของเพศแม่มันถูกทำลายไป เขาเรียกน้องหญิงว่า…อีตัว…. เวลาเขาจะหาความสุขจากเรือนร่างเธอ.. เขามารับเธอไป..เขาไม่ได้พูดให้เกียรติเธอเลย… แทนที่เขาจะบอกว่า..มาเชิญเธอไป..เขากลับใช้คำว่า..หิ้วไป ใช้คำว่า..หิ้ว…เห็นเราเหมือนเป็ดเหมือนไก่..ไม่ให้เกียรติเราเลย… เราน่าจะกลับไปอยู่บ้าน…ใช้ชีวิตทำมาหากินเหมือนเดิม.. ถึงแม้จะไม่ร่ำรวยแต่เราก็อยู่อย่างมีเกียรติ… ทุกคนนั่งนิ่ง..ทำตาแดงๆ เป็นโอกาสดีของพระแล้วที่จะดึงเธอมาเป็นพวก..จึงสนทนาสอบถามเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ น้องหญิงหลายคนสักตุ๊กแกไว้ที่ต้นแขน..สักทำไมหรือ.. อ๋อ..เวลาผู้ชายมาใช้บริการ..จะได้จับผู้ชายให้ติด…เพราะตุ๊กแกขามันเหนียวเกาะแน่น..แกะไม่หลุด โอ..หลักการดี..อาตมาเลยแกล้งหยอกไปว่า… ตุ๊กแกมันเกาะแต่ผู้ชายอย่างเดียวหรือ…มันเกาะเอาซุปเปอร์โกโนเรียมาด้วยหรือเปล่า…… ทุกคนเงียบกริบ รอยยิ้มเริ่มหายไป…บรรยากาศชักไม่น่าลงทุนแล้ว…. อาตมาเลยถามต่อ….อ้าว..แล้วบางคนที่สักขอกับเคียวไว้ที่ต้นแขนล่ะ…. มีความหมายว่าอย่างไรก็เอาไว้เกี่ยวสตางค์จากกระเป๋าคนมาเที่ยวไง……. เออ..คนเรานี่มันโง่ดี..ถ้าสักขอกับเคียวแล้วมันเกี่ยวสตางค์ได้จริง… คนไทยทั้งประเทศไม่ต้องมัวเหนื่อยไปทำมาหากินหรอก…สักขอกับเคียวไห้เต็มตัวก็รวยแล้ว
เทศน์รอบดึก….  มีอยู่รายการหนึ่ง เขาจัดงานหารายได้เข้ามัสยิด…นิมนต์พระพยอมมาช่วยเทศน์ดึงคนให้หน่อย..เพราะช่วงที่กำลังดังนี้ เทศน์ทีมีคนฟังเป็นหมื่น..พอประกาศชื่อพระพยอมคนสนใจมากเขาจัดโปรมแกรมให้พระพูดตอนดึก 5 ทุ่ม  พระก็อยากพูดเร็วๆ พูดเสร็จจะได้รีบกลับ…เขาบอกว่า..ไม่ได้..ถ้าท่านกลับ..คนก็กลับกันหมด..หอยทอด โรตี..ไก่ย่าง..ยังขายไม่หมดเลย..เดี๋ยวท่านรอให้ขาย หอยทอด โรตี ไก่ย่างหมดก่อน..ค่อยขึ้นเทศน์
กรรมของพระ…ไม่ควรดังเลยเรา….

เจ๊กหมดทุนเจ๊กหมดทุน…..มีชายคนหนึ่งอยู่สุไหงโกลก..ชื่ออาฮัง..
อาฮังหรือ..เจ๊กฮัง..ค้าขายขาดทุนปีเดียวสามสี่แสนบาท….
ไม่เป็นอันทำมาหากินเลย..พอขาดทุนสี่แสนก็มานั่งทำท่าเหมือนลิงป่วย…..
หมดแรง..หมดอาลัยตายอยาก….
พูดพร่ำอยู่คำเดียวทั้งวัน…อั๊วขาดทุนหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว
จนญาติๆระอา…ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหามมาส่งที่วัดสวนโมกข์…
อาตมาอยู่สวนโมกข์ได้ 7 ปีพอดี ปรากฏว่า..มันก็มานั่งที่ตรงหินโค้ง…นั่งเป็นทุกข์ในท่าเจ๊กหมดทุนท่าเดิม…นั่งบ่น..อั๊วเจ๊งหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว……..
อาจารย์พุทธทาสก็เลยเข้าไปถามว่า….ฮัง…ลื้อขาดทุนแน่หรือ….
แน่ซิครับ…สี่แสนปีเดียวหมดเกลี้ยง..ผมขาดทุนย่อยยับหมดเลย….
คิดให้ดี…ขาดทุนจริงๆนะเหรอ….
จริงซิครับ…อย่ามาถามยั่วโทสะผมนะ……
อาจารย์พุทธทาสก็เลยถามต่อว่า…โยมอาฮัง…ที่ลื้อบ่นขาดทุน..ขาดทุนนี่..ลื้อเกิดมาลื้อมีทุนติดตัวมาเท่าไร…….วันที่ลื้อเกิดมานะ
อาฮังนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง..เอ๊ะ..ใครมันจะไปดึงทุนออกมาจากท้องแม่ได้ในวันเกิดนะ พระนี่ถามอะไรแปลกๆ…
อาฮังตอบว่า ..ไม่มี..
อาจารย์พุทธทาสท่านก็ถามต่อ…เดี๋ยวนี้หม้อหุงข้าวลื้อมีไหม…
หม้อหุงข้าวมี..
เสื้อผัามีใส่ไหม…
มี…
บ้านมีอยู่ไหม……
มี…
ถามอะไรต่อมิอะไร..มันก็ตอบว่า..มีๆๆ…
อาจารย์พุทธทาสท่านจึงบอกว่า ..อาฮัง…ลื้อไม่ได้ขาดทุนหรอก
เพียงแต่กำไรมันลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้น.

"คุณพระช่วย"….พวกเราชอบอ้อนวอน..ชอบบนบานศาลกล่าวกันจนเคย….โดยเฉพาะผู้หญิงขอให้พระช่วยจนติดปาก  เกิดมีอะไรขึ้น..หรือตกใจอะไร..จะต้องร้องว่า"คุณพระช่วย"..ทุกครั้ง…วันหนึ่ง..อาซิ้มนั่งขายของอยู่ในร้าน…หน้าร้านมีคนมาทำความสะอาดท่อ..แล้วเปิดฝาท่อทิ้งไว้   ผู้หญิงคนหนึ่งเดินตกท่อ..แล้วตะโกนว่า "ว้ายคุณพระช่วย"
อาซิ้มหัวเราะตัวงอ..แล้วเดินออกมาหาหญิงผู้เคราะห์ร้าย
พระช่วยลื้อไม่ล่ายหรอก..เพราะเมื่อเช้านี้พระก็ตกเหมือนกัน

ใส่ความเห็น

Chainese music

 
 
 

hai feng qing qing chui guo wo de lian pang
yang guang wen rou de sa zai wo shen shang
hai ou zi you de fei zai tian kong zhong
xiang kuai le de pai huai zai you le chang
bai yun zai tou kan cai hong de mu yan

hai yang zong wei na chuan zhang zhi fang xiang
hai lang fu mo zhu sha tan de yi shang
wo ye mei tian dou wei ta huan shang xin zhuang
zhao dao fang xiang
jie kai mi mang

xue zhe jian qiang
nu li qu chuang
wo xiang rang zi ji xu ge yuan wang
zhua ge xing xing zuo zai yue liang shang
wo xiang rang zi ji sui feng ge chang

yin yue jiu shi wo de xing yang
wo xiang rang zi ji fei xiang
nian qing shi chi pang wo yao fei guo tai pin yang
wo xing rang zi ji gen zhu tai yang
zhao dao na pian shu yu wo zi ji de qing lang

****************************************************************************
 
 
 

ใส่ความเห็น

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

นิทานเรื่อง ตะเกียงวิเศษ
โดย
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

กาลครั้งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งขุดพบตะเกียงเก่าแก่อันหนึ่ง
ในขณะที่เขากำลังทำสวนอยู่ พอเขาเอามือถูตะเกียง ก็ปรากฏว่ามีควันออกมาจากตะเกียง  แล้วกลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่ ยักษ์ตนนั้นพูดกับชายหนุ่มว่า

ขอบใจที่ได้ช่วยให้ฉันเป็นอิสระ ฉันจะตอบแทนท่านโดยรับใช้ท่าน ท่านจะใช้อะไรฉันก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อไรที่ท่านหยุดใช้ฉัน ฉันก็จะกินท่าน

ชายหนุ่มก็ตกลงเพราะเขาเห็นว่าการมีค นรับใช้เป็นเรื่องที่ดี
และเขาก็มั่นใจว่า เขาจะใช้ยักษ์ตนนี้ให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลาได้ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลง ยักษ์นั้นจึงถามว่า นายต้องการให้ฉันรับใช้เรื่องใดบ้าง แต่อย่าลืมนะถ้านายหยุดใช้ฉันเมื่อใด ฉันก็จะกินนาย ชายหนุ่มคนนั้นตอบว่า ฉันต้องการวังหลังหนึ่งเพื่อฉันจะได้เข้าไปอยู่

ทันใดนั้นยักษ์ก็เนรมิตวังหลังหนึ่งได้ ชายหนุ่มตกใจเพราะเขานึกว่า
ยักษ์คงใช้เวลาสักปีกว่าจะสร้างวังเสร็จ ทีนี้เขาต้องคิดอย่างรวดเร็วว่าจะขอให้ยักษ์ทำอะไรต่อไปดี เขาบอกยักษ์ให้สร้างถนนกว้างๆ ไปถึงหน้าวังทันใดนั้นถนนก็ปรากฏอยู่ต่อสายตาเขาฉันต้องการสวนล้อมรอบวังเขาสั่งต่อไป

ทันทีความต้องการของเขาก็ปรากฏต่อหน้าเขา
ฉันต้องการ….. เขาก็ขอไปเรื่อยๆ แต่เขาเริ่มต้นวิตกว่าอีกไม่ช้าเขาก็จะขอจนหมดแล้ว และอีกอย่างเขาคงเข้าไปอยู่ในวังอย่างผาสุกไม่ได้ เพราะเขาต้องคอยมานั่งสั่งยักษ์ให้ทำงานตลอดเวลา

ในที่สุดเขาก็คิดหาทางออกได้ เขาขอให้ยักษ์สร้างเสาต้นหนึ่งให้สูงสุด
ซึ่งยักษ์ก็เนรมิตให้ทันทีทันใด เขาขอให้ยักษ์ปีนเสาต้นนี้ช้าๆ ไปถึงยอดแล้วให้ปีนลงมาช้าๆ เช่นกัน พอถึงพื้นก็ให้ปีนขึ้นไปบนยอดใหม่อีกครั้ง แล้วให้ปีนขึ้นปีนลงเช่นนี้ตลอดเวลาไม่ให้หยุดเลย

ยักษ์ตนนั้นก็เลยต้องปีนขึ้นปีนลงตลอดเวลาตามคำสั่งของนาย


ชายหนุ่มจึงเริ่มหายใจได้ทั่วท้อง ขณะนี้เขาปลอดภัยแล้ว
ชายหนุ่มมีเวลาที่จะเข้าไปอยู่ในวังอย ่างมีความสุขตั้งแต่นั้นมา

ยักษ์ตนนี้เปรียบเสมือนความคิดและจิตใจของเรา
ถ้าเรารู้จักใช้ความคิดของเรา และควบคุมความคิดของเราให้ดี เราจะได้รับผลดีจากความคิ ดของเรา

ถ้าเราต้องการจะทำอะไรให้ดีให้ถูกต้อง
เราต้องควบคุมจิตใจของเราให้สงบเหมือนกับชายหนุ่มในนิทานที่สามารถควบคุมยักษ์ตนนั้นได้ และสามารถทำให้ความต้องการของเขาลุล่วงสำเร็จได้

ถ้าเราควบคุมความคิดของเราไม่ได้ มันจะสร้างปัญหาให้กับเรา
เราจะเริ่มต้นนั่งคิดว่าจะไปซื้ออะไร จะไปกินอะไรดี หรือจะไปเที่ยวไหนดี ฯลฯ ความต้องการจะครอบคลุมจิตใจของเรา ครอบคลุมอารมณ์ของเรา เราจะหวั่นไหวต่อความโลภ ความโกรธและความอิจฉา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นถ้าเราไม่รู้จักควบคุมความคิดของเรา เช่นเดียวกับยักษ์ตนนั้นที่ข่มขู่ชายหนุ่มตลอดเวลา

เราต้องควบคุมความคิดของเราตลอดเวลา
ชายหนุ่มคนนี้ใช้ให้ยักษ์ปีนขึ้นลงที่เสาสูงต้นนั้น เราก็สามารถใช้ลมหายใจเข้าออกของเราซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลานั้นเป็นเสาสูงแทน


หมายเหตุ :: นิทานเรื่องตะเกียงวิเศษนี้
คัดมาจากหนังสือวิทยาศาสตร์ของการฝึกจิตของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

ใส่ความเห็น